โรคระบบประสาท คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง ไขสันหลัง และกล้ามเนื้อ หากระบบประสาทของเรามีความผิดปกติก็จะทำให้ร่างกายมีอาการผิดแปลกไปจากเดิม โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก ซึ่งโรคนี้คนไข้บางรายเลือกรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน แต่อีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้นั่นก็คือศาสตร์การแพทย์แผนจีน
อาการของโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก
ส่วนใหญ่โรคนี้จะเกิดแบบเฉียบพลัน โดยสามารถสังเกตได้ถึงความผิดปกติจากพฤติกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การตื่นเช้ามาแปรงฟัน หรือ ดื่มน้ำ แล้วมีน้ำไหลออกจากมุมปากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวมไปถึงคนไข้บางรายอาจจะมีอาการพูดไม่ชัด รวมถึงการรับรสอาหารได้น้อยลงร่วมด้วย
สาเหตุของโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก
สาเหตุของโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีกเกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ผิดปกติ หรือเส้นประสาทบนใบหน้าอักเสบจนกระทั่งใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก โดยโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศ ทุกวัยไม่เว้นแม้แต่กับเด็กเล็ก ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่มาด้วยผลจากการโดนลมร้อน ลมเย็นมากระทบใบหน้ามากเกินไป หรือมีการอุดกั้นของเสมหะและของเสีย นอกจากนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือ พลังงานภายในร่างกายไม่พอ ระบบลมปราณอุดกั้น เลือดเลยติดขัดตามระบบประสาท หรืออาจจะเกิดจากการใช้โทรศัพท์เป็นเวลานาน และใช้เส้นประสาทตรงนี้มากเกินไปก็จะทำให้เกิดการอักอักเสบและทำให้มีอาการอัมพาตใบหน้าครึ่งซีกได้
การรักษาแพทย์ปัจจุบัน และแพทย์จีนแตกต่างกันอย่างไร
แพทย์ปัจจุบันมักจะให้ทานยากลุ่มต้านไวรัส หรือลดอาการอักเสบของเส้นประสาท เพราะมองว่าเกิดจากการติดเชื้อ และอักเสบ แต่แพทย์จีนจะเริ่มรักษาตั้งแต่ต้นเหตุ เสริมสร้างภายในร่างกายให้แข็งแรง โดยมีวิธีการรักษาที่หลากหลาย เช่น การครอบแก้ว และการทานยาจีนแบบชงดื่ม เพื่อช่วยกระตุ้นพลังลมปราณภายในร่างกายให้แข็งแรง และบำรุงเลือด อีกทั้งใช้การฝังเข็มเพื่อขับของเสียออกจากร่างกายอย่างลมร้อน ลมเย็น หรือความชื้น เพราะของเสียเหล่านี้ทำให้เลือดบริเวณเส้นประสาทบนใบหน้าติดขัด
ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก
ส่วนใหญ่โรคนี้จะรักษาประมาณ 5 - 10 ครั้ง และใช้เวลาภายใน 2 - 3 อาทิตย์ ในกรณีที่มีอาการแล้วมาหาแพทย์จีนโดยทันที แต่หากปล่อยให้อาการเรื้อรังอาจจะต้องเพิ่มเวลาการรักษาเป็น 10 - 20 ครั้ง และใช้เวลา 1 - 2 เดือน ทั้งนี้ระยะเวลาในการรักษาก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานร่างกายคนไข้ และอาการของโรค
พจ.พรกมล วัชรสิรยากร